“เครียด – จน – เสพ” ทำยานรกระบาดชายแดนใต้ “4X100 ค็อกเทล” ยอดฮิต


“3 องค์กรหลักทางศาสนา” แถลงผลวิจัยปัญหายาเสพติดชายแดนใต้ พบสถานการณ์ “เครียด – จน – เสพ” ใช้ยานรกดาษดื่น ทั้ง “บ้าน-โรงเรียน” แถมกว่าครึ่งมีอาการป่วยจิต “กระท่อม-ยาบ้า” ยอดฮิต สูตร “4X100 ค็อกเทล” ติดท็อปปลายด้ามขวาน

สถาบันปาตานีเพื่อการวิจัยและพัฒนามนุษย์ (INSANI) สภาอุลามาอฺฟาฏอนีดารุสสลามมูลนิธิ และสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็น 3 องค์กรหลักทางศาสนา ได้แถลงผลงานการศึกษา เรื่อง “ปัญหาการเสพยาเสพติด ความเปราะบางของเยาวชนและความยืดหยุ่นของชุมชนในสามจังหวัดชายแดนใต้” โดยมี ดร.แวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี เป็นประธานเปิดกิจกรรม พร้อมด้วย นายเศรษฐ์ อัลยุฟรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี (อบจ.ปัตตานี) กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำศาสนา ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เข้าร่วมอย่างคึกคัก งานจัดที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี อ.หนองจิก

ดร.มะหะหมัด อาหะมะ หัวหน้าโครงการ อธิบายถึงข้อสรุปจากการทำวิจัยว่า จากการลงพื้นที่เมื่อเดือน ต.ค.-ธ.ค.67 ได้คุยกับผู้นำชุมชน นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ผู้เปิดศูนย์บำบัดผู้ติดยาเสพติด กับกลุ่มเป้าหมายอายุ 14-50 ปี ในกลุ่มไม่เรียนและเรียนมหาวิทยาลัย รวมถึงเยาวชนในระบบการศึกษาปกติและปอเนาะ

ข้อมูลที่ได้ปรากฏว่า กลุ่มเปราะบางที่เสี่ยงต่อการติดยาเสพติด คืออายุ 40 ปีลงมา

@@ ชายแดนใต้ “ปลายน้ำ” เปรียบถังขยะยานรก
“ยาเสพติดเป็นวงจรอุบาทว์ มาพร้อมปัญหาความรุนแรง ความมั่นคง เมื่อความรุนแรงเพิ่มขึ้น ปัญหายาเสพติดก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ทุกคนรู้ว่าบ้านเราไม่ใช่แหล่งผลิต เราเป็นปลายน้ำ ที่ทิ้งของเสีย เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องร่วมมือ ไม่ทนกับปัญหายาเสพติดต่อไป วิธีเดียวที่จะเอาชนะได้คือ ทุกคนต้องร่วมมือกัน” ดร.มะหะหมัด ระบุ

ด้าน นายอุสมาน ดาโอะ หนึ่งในทีมวิจัย กล่าวว่า ยาเสพติดเป็นปัญหาอันดับแรก แต่ไม่ถูกหยิบยกมาเป็นปัญหาหลัก ไม่ค่อยมีวิธีแก้ไข การลงพื้นที่ 3 เดือนพบปะผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชน พ่อแม่ที่มีลูกติดยา ศูนย์บำบัด แต่ไม่มีอำนาจพูดถึงต้นทางปัญหา สกัดกั้นคนค้ายา ที่นี่เป็นแค่ที่รองรับปัญหาสุดท้ายที่ลูกหลานติดยา

“จากผลการวิจัย การบำบัดได้ผลต้องควบคู่หลักการศาสนา ใช้หัวใจและเวลาในการรักษา ศูนย์บำบัดเอกชนต้องมีค่าใช้จ่าย 3-4 พันบาทต่อเดือนต่อคน ผู้ปกครองไม่สามารถรับไหวต่อค่าใช้จ่าย ส่วนของรัฐต้องรอคิว สังคมคาดหวังว่าน่าจะมีพื้นที่หลายแห่งที่ผู้นำพร้อมบำบัดด้วยศาสนบำบัด แต่ต้องมีผู้สนับสนุนงบประมาณ สังคมอยากย่อยศูนย์บำบัดให้เล็กลงเป็นระดับตำบลและหมู่บ้าน มีอุสตาซอยู่ประจำศูนย์”

“ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี และ อบจ.ปัตตานีพร้อมเป็นเจ้าภาพ เราไม่มีอำนาจห้ามยาเสพติดที่มายังพื้นที่ อยากให้สังคมบ้านเราช่วยกันดูแลสอดส่อง และปัญหายาเสพติดคือปัญหาศาสนา” หนึ่งในทีมวิจัย ระบุ

@@ เงื่อนปมยาเสพติด สาเหตุฟ้องหย่าร้อยละ 80

พื้นที่ชายแดนภาคใต้ของไทย ชุมชนท้องถิ่นต้องเผชิญกับการเพิ่มขึ้นของการใช้ยาเสพติดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีการปราบปรามและจับกุมผู้ค้ายาเสพติดพร้อมของกลางจำนวนมาก แต่รายงานของกองทัพบกระบุว่า สามจังหวัดที่มีปัญหาการใช้ยาเสพติดรุนแรงที่สุด ได้แก่ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส

ปัญหาการเสพติดส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อชุมชนและความสัมพันธ์ทางสังคมมาเป็นเวลานาน เช่น ในปี พ.ศ. 2559 สำนักงานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานีได้รับการยื่นเรื่องฟ้องหย่าจำนวน 525 กรณี โดยร้อยละ 80 ของกรณีดังกล่าวมีสาเหตุเกี่ยวข้องกับปัญหาการใช้ยาเสพติด

@@ “เครียด – จน – เสพ” ใช้ยาในบ้าน – รร. กว่าครึ่งป่วยจิต
จากการเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ทั้งการสำรวจภาคสนามผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึกกับบุคคล จำนวน 38 คน และการสนทนากลุ่มย่อยจำนวน 50 คน พบว่า ปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดความเปราะบางของสังคมต่อปัญหานี้ คือ “ความยากจน” โดยร้อยละ 92 ระบุว่า ครอบครัวเผชิญกับแรงกดดันทางเศรษฐกิจ สูญเสียรายได้ของครัวเรือน ภาระทางการเงินและหนี้สินที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ยาเสพติดสามารถหาซื้อได้โดยง่าย

ส่วนใหญ่ระบุว่า สถานที่ที่มีการใช้ยาเสพติดเกิดขึ้นในครัวเรือน ร้อยละ 58 และในสถานศึกษา ร้อยละ 53 พบว่าผู้เสพร้อยละ 55 มีภาวะความผิดปกติทางสุขภาพจิตร่วมด้วย

ส่วนรูปแบบอาชญากรรมที่มักเกิดขึ้นควบคู่กับปัญหาการใช้ยาเสพติดในทางที่ผิด ได้แก่

– การลักทรัพย์และอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน ร้อยละ 82
– เหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัว โดยเฉพาะการกระทำต่อภรรยา ร้อยละ 46
– การเล่นการพนัน ร้อยละ 34
– การทุจริตคอร์รัปชันในหมู่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ร้อยละ 24
– อาชญากรรมที่ก่อโดยกลุ่มมาเฟียหรือกลุ่มผู้มีอิทธิพล ร้อยละ 21
– การปล่อยเงินกู้นอกระบบ/ผิดกฎหมาย ร้อยละ 18

@@ ต้นตอปัญหาความรุนแรงในครอบครัว

ผลการศึกษายังชี้ให้เห็นถึงวงจรความรุนแรงทางสังคมที่มีจุดเริ่มต้นจากการใช้ยาเสพติดของสมาชิกครอบครัว ทั้งเป็นสามีหรือบุตร เกิดความกดดันทางจิตใจและอารมณ์ ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงและการแตกร้าวในครอบครัว

– ร้อยละ 71 บอกว่า มีเหตุการณ์ความรุนแรงภายในครอบครัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีทางสังคมวิทยาที่ระบุว่า ความเครียดจากปัญหาเศรษฐกิจและพฤติกรรมการเสพยาเสพติดติด มักส่งผลต่อความมั่นคงของครอบครัวโดยตรง

– ร้อยละ 82 สะท้อนให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของปัญหา เด็กและเยาวชนหลุดออกจากระบบการศึกษา เป็นผลจากสภาพแวดล้อมครอบครัวที่ไร้เสถียรภาพและขาดการดูแลที่เหมาะสม ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อการพัฒนาทุนมนุษย์ของสังคมโดยรวม

โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ บิดามารดา 100 เปอร์เซ็นต์ เผชิญทั้งภาระการดูแลและความเจ็บปวดทางอารมณ์, รองลงมาคือ ผู้เสพยาเสพติดเอง 79 เปอร์เซ็นต์ ที่มีปัญหาสุขภาพจิตร่วมด้วย, ผู้หญิง 47 เปอร์เซ็นต์ และเด็ก 45 เปอร์เซ็นต์ ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อม ในรูปแบบความรุนแรงทางกาย จิตใจ และการถูกละเลยในครัวเรือน

@@ “4X100 ค็อกเทล” ระบาดหนักสุด
ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ยังพบว่า สารเสพติดที่มีมากที่สุดในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ กระท่อม เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) เฮโรอีน และ กัญชา ตามลำดับ

โดยกระท่อมและยาบ้ายังคงเป็นสารเสพติด 2 ประเภทที่มีการใช้มากที่สุด ซึ่งสารเสพติดที่มีการใช้บ่อยครั้ง ร้อยละ 79 ได้แก่ กระท่อม หรือที่เรียกว่า “4X100 ค็อกเทล” เป็นสารเสพติดที่มีการใช้มากที่สุด, ร้อยละ 74 ใช้เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า), ร้อยละ 32 ใช้เฮโรอีนหรือ “ผงขาว”, ร้อยละ 29 ใช้กัญชา และ ร้อยละ 39 ใช้สารเสพติดอย่างน้อย 2 ชนิดขึ้นไป

ขณะที่ผู้เสพส่วนใหญ่เป็นเพศชายที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี และพบว่าร้อยละ 30 ของผู้เสพยาเสพติดเป็นเพศหญิง

@@ มั่นใจ “ศูนย์บำบัดท้องถิ่น” มากกว่าของรัฐ

โครงการป้องกันและบำบัดฟื้นฟูปัญหายาเสพติดในพื้นที่นี้ ดำเนินการโดย 2 กลไกหลัก ได้แก่ ภาครัฐและภาคชุมชน โดยร้อยละ 89 มีความเชื่อมั่นต่อศูนย์บำบัดฟื้นฟูที่ดำเนินการโดยชุมชนท้องถิ่นมากกว่าโครงการบำบัดฟื้นฟูที่จัดโดยรัฐ ร้อยละ 3

ผลวิจัยสรุปว่า เมื่อศูนย์บำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดที่มีฐานอยู่ในชุมชนได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในท้องถิ่นอย่างสูงและมีประสิทธิผลในการบำบัดพื้นที่ผู้เสพติดอย่างเป็นรูปธรรม รัฐบาลจึงควรเร่งให้ความสำคัญและสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์บำบัดโดยทันที

ที่ผ่านมามีอุปสรรคสำคัญ คือ ข้อจำกัดด้านงบประมาณ เนื่องจากไม่มีการสนับสนุนทางการเงินจากภาครัฐ ทั้งการบังคับใช้กฎหมายไม่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหตุผลสำคัญคือแนวทางของรัฐบาลไม่สามารถลดปัญหาการใช้ยาเสพติดในทางที่ผิดได้ เนื่องจากปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันและการใช้อำนาจในทางมิชอบของผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและผู้แทนการเมืองท้องถิ่น

งานวิจัยเสนอว่า มีความจำเป็นต้องมีกระบวนการปรึกษาหารือสาธารณะ การปฏิรูปเชิงนโยบาย และการให้ความสำคัญต่อความอ่อนไหวทางวัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่น และการเสริมสร้างบทบาทของชุมชนในการจัดการตนเอง

@@ แก้ยาเสพติดให้สัมฤทธิ์ ต้องเริ่มจากชุมชนท้องถิ่น

ประเด็นสำคัญที่สุด คือ ทุกแนวทางในการจัดการปัญหานี้ จะต้องมีพื้นฐานที่ริเริ่มโดยชุมชนท้องถิ่น ซึ่งมีข้อเสนอแนะคือ

1.รัฐบาลควรจัดสรรงบประมาณสนับสนุนที่เพียงพอ โดยการเสริมสร้างศักยภาพของศูนย์บำบัดฟื้นฟูที่ดำเนินการโดยชุมชม

2.การจัดตั้งศูนย์บำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดที่มุ่งเน้นเฉพาะผู้หญิง เป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากผู้หญิงเผชิญกับความท้าทายที่รุนแรงและหลากหลาย

3.การดำเนินการรณรงค์สร้างความตระหนักรู้และการระดมพลังถือเป็นแนวทางที่สำคัญ

4.สร้างความเป็นปึกแผ่นและการขยายเครือข่ายการสนับสนุนผู้นำท้องถิ่น เช่น สำนักงานคณะกรรมการอิสลาม สามารถมีบทบาทสำคัญในฐานะกลไกนำ (driving force) ต่อความพยายามในเรื่องนี้ ผ่านการขยายบทบาทของมัสยิดให้เป็นศูนย์กลางทางสังคมในการจัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเยาวชน

5.การจัดตั้งองค์กรร่วมที่ขับเคลื่อนโดยภาคประชาสังคม ทำหน้าที่เป็นผู้วางแผนเชิงยุทธศาสตร์ และกำหนดแผนปฏิบัติการป้องกันการใช้ยาเสพติดอย่างรอบด้าน รวมถึงการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด

6.การปฏิรูปเชิงนโยบายของรัฐบาล โดย “องค์กรร่วม” ต้องดำเนินกระบวนการปรึกษาหารือสาธารณะกับชุมชนท้องถิ่นอย่างครอบคลุม ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ